มลพิษทางกลิ่นบริเวณถนนลงหาดบางแสนใต้
เนื่องด้วยปัญหาของมลพิษทางด้านกลิ่นนั้น แม้ว่ามลภาวะด้านนี้จะไม่มีตัวชี้วัด โดยจะใช้ประสาทสัมผัสวัดระดับความความรุนแรงของกลิ่น ว่าจะส่งผลกระทบต่อบุคคลหรือต่อการดำเนินชีวิตมากน้อยเพียงใด ซึ่งแตกต่างกับเสียงที่มีหน่วยวัดระดับไว้อย่างชัดเจน เช่น 85เดซิเบลเป็นระดับที่ก่อให้เกิดอันตราย เป็นต้น
เนื่องจาก ปัญหาที่ทุกคนได้ประสบจากบริเวณหลังมหาวิทยาลัยบูรพา ในช่วงสองถึงสามเดือนที่ผ่านมาแล้วนั้น คือ ปัญหากลิ่นเหม็นจากบริเวณนั้น ทางคณะผู้จัดทำจึงเลือกที่จะนำเสนอปัญหาขึ้นมา พร้อมทั้งหาสาเหตุที่มาของปัญหา และ ทางการแก้ปัญหาของสาเหตุที่เกิดขึ้น
วัตถุประสงค์ของการศึกษา
1.เพื่อศึกษาสาเหตุของมลพิษทางอากาศ ( กลิ่น )
2.เพื่อศึกษาความคิดเห็นของประชากรในบริเวณนั้น
3.ศึกษาผลกระทบของปัญหา
4.ศึกษาแนวทางในการแก้ปัญหา
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ
ผลการศึกษาที่ได้รับสามารถนำไปใช้แก้ปัญหาในบริเวณพื้นที่ศึกษาและบริเวณอื่นที่ประสบปัญหาเช่นเดียวกันกับบริเวณพื้นที่ศึกษาเพื่อ เป็นประโยชน์ต่อประชาก่อนที่อยู่อาศัยในบริเวณนั้นๆ
พื้นที่การศึกษา
บริเวณถนนลงหาดบางแสนใต้ จนถึง หลังโรงงานบูรพาพรอพเพอร์
วิธีการศึกษา
1.หาสาเหตุของการเกิดกลิ่น จากการลงพื้นที่สอบถามชาวบ้าน
2.ทำเรื่องติดต่อ ขอข้อมูลเรื่องปัญหาของกลิ่น จากทางเทศบาล
3.ทางเทศบาลได้แนะนำให้ไปพบกับ คุณสมชาย ดวงชอุ่ม ซึ่งเป็นบุคคลที่ดูแลจัดการเรื่องการบำบัดน้ำเสีย และเป็นผู้ที่รู้ถึงปัญหา และ สาเหตุของกลิ่นได้เป็นอย่างดี
4.คณะผู้จัดทำได้ไปพบ คุณ สมชาย ดวงชอุ่ม เพื่อสอบถามข้อมูลเกี่ยวกับปัญหากลิ่นเหม็นอันเนื่องมาจากการเน่าของตะกอนแป้งในโรงงานแป้งบูรพาพรอพเพอร์
5.คณะผู้จัดทำได้ทำหนังสือ เพื่อขอเข้าไปดูวิธีการบำบัดน้ำเสียในโรงงาน
6.วันที่ 8 กุมพาพันธ์ 2554 คณะผู้จัดทำได้เข้าไปสำรวจพื้นที่จริง ที่โรงงานบูรพาพรอพเพอร์ โดยความอนุเคราะห์ของคุณสมชาย ซึ่งเป็นวิทยากรนำการสำรวจบ่อบำบัดน้ำเสียของโรงงาน โดยคณะผู้จัดทำได้ทำการบันทึกข้อมูลในรูปแบบของไฟล์เสียง บันทึกวีดีโอ และจดบันทึก
7.คณะผู้จัดทำได้นำข้อมูลในรูปแบบต่างๆ มาจัดทำเป็นบล็อก และรายงาน ต่อไป
ผลการศึกษา
สัมภาษณ์ คุณ สมชาย ดวงชอุ่ม
E.M. (อี.เอ็ม.) คืออะไร
E.M. ย่อมาจากคำว่า Effective Micro-organisms หมายถึง กลุ่มจุลินทรีย์ที่มีประสิทธิภาพคิดค้นพบโดย ศาสตราจารย์ ดร.เทรโอะ ฮิงะ (TEROU HIGA) แห่งมหาวิทยาลัยริวกิว เมืองโอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น โดยใช้เทคนิคทางชีวภาพ รวบรวมเฉพาะกลุ่มจุลินทรีย์ หมวดสร้างสรรค์ที่มีอยู่ในธรรมชาติมาใช้ประโยชน์ ช่วยปรับปรุงสภาพความสมดุลของสิ่งมีชีวิตและสิ่งแวดล้อมให้ดีขึ้น จุลินทรีย์หมวดสร้างสรรค์ที่มีใน EM ได้แก่ กลุ่มจุลินทรีย์สังเคราะห์แสง แลกโตบาซิลัส เพนนิซีเลี่ยม ไตรโคเดอมา ฟูซาเรียม สเตรปโตไมซิส อโซโตแบคเตอ ไรโซเบียม ยีสต์ รา ฯลฯ
จุลินทรีย์ใน EM ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ และมีพลัง “แอนติออกซิเดชั่น” ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของชีวิต ป้องกันมิให้มีการทำลายชีวภาพที่สำคัญของ เซลล์ได้ป้องกันฤทธิ์ของสารพิษได้หลายชนิด รักษาสภาพธรรมชาติของเซลล์ ได้มิให้เสื่อมสภาพรักษาสุขภาพของคนและสัตว์ มิให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วยได้ง่าย
จุลินทรีย์ใน EM ส่วนใหญ่เป็นจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ และมีพลัง “แอนติออกซิเดชั่น” ซึ่งเป็นพลังสร้างสรรค์ของชีวิต ป้องกันมิให้มีการทำลายชีวภาพที่สำคัญของ เซลล์ได้ป้องกันฤทธิ์ของสารพิษได้หลายชนิด รักษาสภาพธรรมชาติของเซลล์ ได้มิให้เสื่อมสภาพรักษาสุขภาพของคนและสัตว์ มิให้เป็นโรคหรือเจ็บป่วยได้ง่าย
ประโยชน์ของจุลินทรีย์โดยทั่วไป
ด้านการเกษตร
- ช่วยปรับสภาพความเป็นกรด-ด่างในดินและน้ำ
- ช่วยแก้ปัญหาจากแมลงศัตรูพืชและโรคระบาดต่าง ๆ
- ช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศผ่านได้ดี
- ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ เพื่อให้เป็นปุ๋ย (อาหาร) แก่อาหารพืชดูดซึมไปเป็นอาหารได้ดี ไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนการให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์
- ช่วยสร้างฮอร์โมนพืช พืชให้ผลผลิตสูงและคุณภาพดีขึ้น
- ช่วยให้ผลผลิตคงทน สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน มีประโยชน์ต่อการขนส่งไกล ๆ เช่น ส่งออกต่างประเทศ
- ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากฟาร์มปศุสัตว์ ไก่และสุกร ได้ภายในเวลา 24 ชม.
- ช่วยกำจัดน้ำเสียจากฟาร์มได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- ช่วยกำจัดแมลงวัน โดยการตัดวงจรชีวิตของหนอนแมลงวันไม่ให้เข้าดักแด้เกิดเป็นตัวแมลงวัน
- ช่วยป้องกันอหิวาห์และโรคระบาดต่าง ๆ ในสัตว์แทนยาปฏิชีวนะและอื่น ๆ ได้
- ช่วยเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์แข็งแรงมีความต้านทานโรคสูง ให้ผลผลิตสูงอัตราการตายต่ำ
- ช่วยแก้ปัญหาจากแมลงศัตรูพืชและโรคระบาดต่าง ๆ
- ช่วยปรับสภาพดินให้ร่วนซุย อุ้มน้ำและอากาศผ่านได้ดี
- ช่วยย่อยสลายอินทรีย์วัตถุ เพื่อให้เป็นปุ๋ย (อาหาร) แก่อาหารพืชดูดซึมไปเป็นอาหารได้ดี ไม่ต้องใช้พลังงานมากเหมือนการให้ปุ๋ยวิทยาศาสตร์
- ช่วยสร้างฮอร์โมนพืช พืชให้ผลผลิตสูงและคุณภาพดีขึ้น
- ช่วยให้ผลผลิตคงทน สามารถเก็บรักษาไว้ได้นาน มีประโยชน์ต่อการขนส่งไกล ๆ เช่น ส่งออกต่างประเทศ
- ช่วยกำจัดกลิ่นเหม็นจากฟาร์มปศุสัตว์ ไก่และสุกร ได้ภายในเวลา 24 ชม.
- ช่วยกำจัดน้ำเสียจากฟาร์มได้ภายใน 1 – 2 สัปดาห์
- ช่วยกำจัดแมลงวัน โดยการตัดวงจรชีวิตของหนอนแมลงวันไม่ให้เข้าดักแด้เกิดเป็นตัวแมลงวัน
- ช่วยป้องกันอหิวาห์และโรคระบาดต่าง ๆ ในสัตว์แทนยาปฏิชีวนะและอื่น ๆ ได้
- ช่วยเสริมสุขภาพสัตว์เลี้ยง ทำให้สัตว์แข็งแรงมีความต้านทานโรคสูง ให้ผลผลิตสูงอัตราการตายต่ำ
ด้านการประมง
- ช่วยควบคุมคุณภาพในบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำได้
- ช่วยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำเป็นอันตรายต่อกุ้ง ปลา กบ หรือสัตว์น้ำที่เลี้ยงได้
- ช่วยรักษาโรคแผลต่าง ๆ ในปลา กบ จระเข้ ฯลฯ ได้
- ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ และทำให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนำไปผสมปุ๋ยหมักใช้พืชต่างๆ ได้อย่างดี
- ช่วยแก้ปัญหาโรคพยาธิในน้ำเป็นอันตรายต่อกุ้ง ปลา กบ หรือสัตว์น้ำที่เลี้ยงได้
- ช่วยรักษาโรคแผลต่าง ๆ ในปลา กบ จระเข้ ฯลฯ ได้
- ช่วยลดปริมาณขี้เลนในบ่อ และทำให้เลนไม่เน่าเหม็น สามารถนำไปผสมปุ๋ยหมักใช้พืชต่างๆ ได้อย่างดี
ด้านสิ่งแวดล้อม
- ช่วยปรับสภาพเศษอาหารจากครัวเรือน ให้กลายเป็นปุ๋ยที่มีประโยชน์ต่อพืชผักได้
- ช่วยปรับสภาพน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือน โรงงาน โรงแรมหรือแหล่งน้ำเสีย
- ช่วยดับกลิ่นเหม็นจากกองขยะที่หมักหมมมานานได้
- ช่วยปรับสภาพน้ำเสียจากอาคารบ้านเรือน โรงงาน โรงแรมหรือแหล่งน้ำเสีย
- ช่วยดับกลิ่นเหม็นจากกองขยะที่หมักหมมมานานได้
การเข้าชมบ่อบำบัดน้ำเสียภายในโรงงาน
จากการที่ได้สอบถามชาวบ้านถึงปัญหากลิ่นเหม็นรุนแรง ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความคิดเห็นว่ากลิ่นเหม็นนั้นมาจากโรงงานแป้งบูรพาพรอพเพอร์ ซึ่งได้ดำเนินกิจการมาหลาย 10 ปีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านั้นไม่มีปัญหาในเรื่องการส่งกลิ่นเหม็นรบกวนชาวบ้านเลย แต่เมื่อ 2 ปีก่อน โรงงานได้ทำการล้างพื้นด้วยโซดาไฟ น้ำจากการล้างพื้นได้ไหลลงสู่บ่อบำบัดน้ำเสีย เลยเป็นเหตุให้เกิดกลิ่นเหม็นรุนแรงมาก เพราะโซดาไฟมีฤทธิ์เป็นด่าง เมื่อน้ำลงสู่บ่อบำบัดฤทธิ์ของโซดาไฟได้ไปฆ่าจุลินทรีย์จนตายหมด ทำให้แป้งตกตะกอนเน่าเสีย ส่งกลิ่นเหม็นไปทั่วรอบบริเวณของโรงงาน
สิ่งที่ใช้ในการบำบัดน้ำเสีย
EM
1.น้ำที่มาจากการผลิตแป้งออกจากโรงงานเข้าสู่บ่อหนึ่งซึ่งดักละอองและเศษแป้ง ในขั้นตอนนี้ยังคงมีกลิ่นรุนแรง หลังจากเศษแป้งตกตะกอนแล้วทางโรงงานจะตักเศษแป้งออกจากบ่อให้เทศบาลนำไปแจกจ่ายแก่ชาวบ้านรอบบริเวณโรงงานเพื่อนำไปเลี้ยงสัตว์เช่น สุกรและปลา เป็นต้น
(ตะกอนเศษแป้งที่เหลือจากการบำบัด)
2. น้ำจากบ่อที่หนึ่งถูกส่งเข้าเครื่องเพื่อปั่นตะกอนแป้งที่ตกค้างไม่ให้จับตัวเป็นก้อนแล้วสู่ถังที่รองรับตะกอนแป้งส่วนน้ำจะถูกส่งไปสู่บ่อสอง
3.น้ำจากบ่อหนึ่งไหลลงสู่บ่อสองตามท่อพีวีซี มีการตีออกซิเจนตลอด ป้องกันการจับตัวของแป้ง ที่บ่อสองนี้มีการใส่ปูนขาวเพื่อปรับค่า PH ให้เป็นกลาง เพื่อให้น้ำมีสภาพใกล้เคียงปกติมากที่สุด
4.น้ำจากบ่อสองไหลออกมาจากท่อที่ฝังอยู่ใต้ดิน มาสู่บ่อสาม ที่บ่อนี้ใช้เครื่องตีออกซิเจนตลอดเวลา และมีการใช้จุลินทรีย์ที่หมักเตรียมไว้เพื่อกำจัดกลิ่น วิธีนี้ใช้หลักการเลี้ยงจุลินทรีย์เพื่อให้กินตะกอนแป้ง ซึ่งสังเกตุได้ว่ามีการตีออกซิเจนตลอดเวลาเพื่อให้จุลินทรีย์มีการดำรงชีวิตได้ น้ำในบ่อนี้จะมีสีน้ำตาลและค่อนข้างใส
5.เมื่อน้ำเต็มบ่อสาม จะมีการเปิดฝาท่อ เพื่อให้น้ำไหลลงสู่บ่อสี่ ที่บ่อนี้มีการเลี้ยงผักตบชวาเพื่อเป็นการรักษาระบบนิเวศไว้ให้ใกล้เคียงกับธรรมชาติมากที่สุด เป็นการพักน้ำก่อนส่งออกไปสู่ท่อระบายน้ำและน้ำนั้นจะไหลลงสู่บ่อบำบัดของเทศบาลต่อไป
ปัญหาในการดำเนินงาน
1.ในตอนแรกคณะผู้จัดทำได้ลงความเห็นว่า ปัญหาของกลิ่นเหม็นนั้นมาจากโรงงานน้ำปลา แต่เมื่อลงพื้นที่ จริง ทำการสอบถามชาวบ้านแล้วปรากฏว่า กลิ่นนั้นมาจากโรงงานแป้งบูรพาพรอพเพอร์ คณะผู้จัดทำจึงต้องเปลี่ยนพื้นที่การศึกษา ซึ่งทำให้การดำเนินงานล่าช้า
2.ชาวบ้านไม่ให้ความร่วมมือในการสัมภาษณ์ เนื่องจากกลัวจะมีปัญหากับเจ้าของโรงงาน
3.เวลาว่างในการทำงานของคณะผู้จัดทำมักไม่ตรงกัน
4.เนื่องจากคุณสมชาย ดวงชอุ่ม ซึ่งเป็นผู้ให้ความรู้แก่คณะผู้จัดทำมีภารกิจมากมาย ทำให้มีเวลาว่างไม่ตรงกับคณะผู้จัดทำซึ่งต้องเรียนตลอดสัปดาห์ ซึ่งทำให้การดำเนินล่าช้าเป็นอย่างมาก
5.ทางโรงงานเข้มงวดมากเกี่ยวกับผู้ที่จะเข้าไปในโรงงาน
วิธีการแก้ปัญหาในการดำเนินงาน
1.เร่งดำเนินการอย่างมีสติ เพื่อป้องกันความผิดพลาด
2.ขอชาวบ้านบันทึกข้อมูลในรูปแบบของไฟล์เสียงแทนวีดีโอ
3.พยายามหาเวลาว่างให้ตรงกัน ให้มากที่สุด
4.รอจนกว่าคุณสมชายว่างจากงานประจำ แล้วจึงขอเวลาท่านในการขอข้อมูลในการทำงาน
5.คณะผู้จัดทำจึงทำหนังสือขออนุญาตเข้าไปในโรงงาน
แนวทางการแก้ไขปัญหาและข้อเสนอแนะ
1. ประชาชนควรให้ความเรื่องมือ เรื่อง การรักษาความสะอาด โดยไม่ทิ้งขยะ และ เศษอาหารลงท่อระบายน้ำ
2. เทศบาลควรเข้าไปดูแลปัญหาอย่างจริงจัง ควรมีมาตรการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุไม่ใช่ที่ปลายเหตุ ควรหมั่นไปตรวจสอบบ่อยๆ
3. ทางโรงงานบูรพาพรอพเพอร์ควรหมั่นศึกษาทางแนวทางในการบำบัดน้ำเสีย อย่างต่อเนื่อง และควรพัฒนากรรมวิธีการบำบัดน้ำเสีย ให้ดียิ่งๆขึ้นไป
4. วิธีการบำบัดน้ำเสียควรนำวิธีบำบัดทางธรรมชาติ โดยการใช้พืชน้ำมาช่วยในการบำบัดน้ำเสียมากกว่านี้
ส่งท้าย
รายชื่อคณะผู้จัดทำ
นางสาว นุชนาถ จันทร์บัว 52021067นางสาว เพียงออ ศรีวงษา 52021081นางสาว มุกดา พูลผล 52021089 คณะภูมิสารสนเทศศาสตร์ ( ภาคปกติ )